30 สายพันธุ์ปลาคาร์ป มีกี่ประเภท สายพันธุ์ไหนน่าเลี้ยง [อัปเดต 2025]

สงสัยกันไหมครับว่าปลาคาร์ปมีกี่สายพันธุ์ ? แต่ละสายพันธุ์มีชื่อเรียกว่าอะไรบ้าง หากลองสังเกตแต่ละตัวมีสีสัน ลวดลาย และเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันออกไป หากนับสายพันธุ์ทั้งหมดในปัจจุบัน มีมากกว่า 100 สายพันธุ์ มาเริ่มกันเลยดีกว่า

  • เกรดเลี้ยงสวยงาม ทั้งในไทยและปลาที่นำเข้าจากญี่ปุ่น มีทั้งเกรดสวย สวยมาก และเกรดทั่วไป โดยส่วนใหญ่แล้วขึ้นอยู่กับราคา มีตั้งแต่หลักร้อยต้น ๆ ส่วนใหญ่เป็นปลาที่เพาะพันธุ์ในไทย จนไปถึงหลักหมื่น ซึ่งดูความคุ้มราคาและให้สีสันเป็นหลักครับ
  • เกรดประกวด นิยมเลี้ยงปลาคาร์ปญี่ปุ่น ที่มีความสวยงามในเรื่องสี ลาย และโครงสร้างของตัวปลา หรือเรียกโดยรวมว่ามีคุณภาพที่ดี ราคามีตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักหลายแสนบาท

เป็นที่ทราบกันดีในงานประกวดปลาคาร์ป ปลาคาร์ปจะมีการแบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก ๆ คือ

  • Gosanke จะประกอบไปด้วย 3 สายพันธุ์หลักอย่าง Kohaku (โคฮาคุ), Showa (โชว่า) และ Sanke (ซังเก้)
  • Non Gosanke ปลาคาร์ปทุกสายพันธุ์ที่นอกเหนือจาก 3 สายพันธุ์ใน Gosanke

ปลาคาร์ปยังถูกแยกตามผิวและเกร็ดอีกด้วย โดยแบ่งเป็น

Doitsu เป็นประเภทปลาคาร์ป ที่ไม่มีเกล็ด หรือบางตัวมีเกล็ดขนาดใหญ่เรียงเป็นแถวแต่ไม่โผล่พ้นหนัง ขึ้นด้านข้างลำตัวและด้านบนหลัง หลายๆ คนเรียกว่า ‘ปลาหนัง’ ที่มีต้นกำเนิดมาจากเยอรมัน และถูกนำเข้ามายังประเทศญี่ปุ่น ในช่วงปลายของศตวรรษที่ 18 ซึ่งปลาคาร์ปถูกนำมาเพื่อใช้เป็นหนึ่งในวัถุดิบประกอบอาหารในตอนนั้น ของเรือขนส่งสินค้าในการเดินทางจากเยอรมันมายังญี่ปุ่น และเมื่อถึงจุดหมายปลาที่เหลือถูกปล่อยลงบ่อ ก่อนจะมีการผสมพันธุ์และขยายพันธุ์มาเป็นกลุ่มปลาคาร์ปไม่มีเกล็ด อย่าง Doitsu Kohaku, Doitsu Showa, Doitsu Sanke และ Doitsu Shiro Utsuri ที่สวยงามอย่างปัจจุบันนี้

Ginrin กลุ่มปลาคาร์ปที่มีเกล็ดเงา แวววาว เป็นอีกสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยม ด้วยเอกลักษณ์ที่มีเกล็ดสะท้อนสีทอง-เงินแวววาวระยิบระยับ โดยเฉพาะเวลาที่โดนแดด จะสวยโดดเด่นมาก และปลาคาร์ปพันธุ์อื่น ๆ ที่มีลักษณะเกล็ดสะท้อน ก็จะถูกเรียกชื่อขึ้นต้นว่า Ginrin เช่น Ginrin Kohaku, Ginrin Benigoi, Ginrin Goshiki เป็นต้น และสามารถแยกกลุ่มย่อยของ Ginrin เป็น 4 กลุ่ม ได้แก้ Diamond Ginrin, Pearl Ginrin, Beta Ginrin, Kado Ginrin

สายพันธุ์ปลาคาร์ป

สายพันธุ์โคฮากุ เป็นสายพันธุ์ที่มี 2 สี คือ สีแดงบนพื้นผิวสีขาว จะมีแค่ 2 สีเท่านั้น โดยจะแบ่งออกตามจำนวนพื้นที่สีแดงได้อีก เช่น 2 ตอน, 3 ตอน หรือมากกว่านั้น ปลาสายพันธุ์นี้จัดเป็นสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมมาก


สายพันธุ์โชว่า หรือ โชวะ มี 3 สี ดำ แดง ขาว และจะมีสีดำบริเวณโคนครีบว่ายทั้ง 2 ข้าง โดยส่วนมากหากสีดำคาดผ่านหัวเป็นแนวเฉียง และมีสีแดงบริเวณหัว จะได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก


สายพันธุ์ซันเก้ หรือ ซังเก้ เป็นปลาที่มี 3 สี เช่นเดียวกับ โชว่า แต่จะมีความแตกต่างตรงที่ บริเวณโคนครีบไม่มีสีดำ หรือหากมีจะไม่เป็นดำแผงใหญ่ จะมีก็แค่เป็นดำเส้น ๆ วิ่งตามแนวครับ


สายพันธุ์ชูซุย เป็นหนึ่งในประเภทของปลาคาร์ปที่จัดอยู่ในกลุ่ม No Gosanke ปลาชูซุยมีลักษณะเด่นที่เกล็ดแถวเดี่ยวชัดเจนตลอดแนวหลัง ตั้งแต่หลังศีรษะไปจนถึงหาง สายพันธุ์นี้มีสีพื้นฐานเป็นสีน้ำเงินอมฟ้า และมักมีแถบสีแดงหรือสีส้มบริเวณแก้ม และท้อง


สายพันธุ์อาซากิ เป็นหนึ่งในปลาคาร์ปที่มีความงดงามมาก โดยมีพื้นผิวสีฟ้าเป็นหลัก และมีลายเกล็ดที่โดดเด่นเป็นพิเศษ ให้การสะท้อนแสงเป็นลายละเอียดงดงามเป็นเอกลักษณ์ ปลาพันธุ์นี้มักมีสีแดงหรือส้มที่ครีบและท้อง ทำให้ดูสดใสและมีชีวิตชีวา


สายพันธุ์โกชิกิ เป็นปลาคาร์ปที่มีความสวยงามโดดเด่นด้วยสีสันที่หลากหลาย มีการแบ่งสีหลักออกเป็น 5 สี ประกอบไปด้วยสีขาว, สีแดง, สีดำ, สีน้ำเงินอ่อน, และสีเทา ลวดลายของปลาสายพันธุ์นี้จะมีความซับซ้อนและสวยงาม เป็นสายพันธุ์ที่มีความท้าทายในการเลี้ยง ให้คงความเข้ม ความสม่ำเสมอของสี


สายพันธุ์ ไอ โกโรโม่ หรือ ไอ โกโรโมะ เป็นสายพันธุ์ที่มีเอกลักษณ์ ประกอบไปด้วยสีแดงแบบเลือดนก และมีขอบเกล็ดสีคราม (Ai) อยู่บนพื้นสีแดง สายพันธุ์นี้เป็นสายพันธุ์ที่ให้เฉดแดงที่เข้ม โดดเด่น


สายพันธุ์ บูโด โกโรโมะ เป็นสายพันธุ์ที่คล้ายกับ Ai Koromo ต่างกันตรงที่ขอบเกล็ดเป็นสีม่วงเข้ม คล้ายองุ่น (Budo) นั่นเอง สีจะดูเข้มกว่า Ai Koromo


สายพันธุ์ แบล็ค บูโด โกโรโมะ เป็นสายพันธุ์ที่คล้ายกับ Budo Koromo แต่ขอบเกล็ดจะเข้มกว่า เข้มจนเป็นสีดำ ทำให้มีความรู้สึกดุดันมากกว่า เป็นสายพันธุ์ที่พบได้น้อยกว่า 2 สายพันธุ์ด้านบน


สายพันธุ์ โกโรโมะ โชว่า หรือที่เรียกกันว่า Showa Koromo เป็นสายพันธุ์ปลาคาร์ปที่มีการผสมผสานของลวดลายที่โดดเด่น การผสมผสานระหว่าง Koromo และ Showa ทำให้ปลาคาร์ปสายพันธุ์นี้มีความงดงามเป็นเอกลักษณ์ที่หาได้ยาก มักจะได้รับความนิยมในหมู่นักเลี้ยงปลาคาร์ปที่ชื่นชอบปลาสวยงามและมีลวดลายที่ไม่ซ้ำใคร


Kumonryu (คุโมนริว) เป็นหนึ่งในสายพันธุ์ปลาคาร์ป มีลักษณะเฉพาะโดดเด่น ด้วยลวดลายที่สามารถ “เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา” ได้ตามฤดูกาล หรือสภาพแวดล้อม ซึ่งทำให้มันเป็นที่นิยมในหมู่นักเลี้ยงปลาคาร์ปอย่างมาก มีลักษณะเด่นคือ
สีหลัก:
– มีพื้นตัวเป็นสี ขาว หรือ เงิน (Shiro)
– ลายสีดำเข้ม (Sumi) ขึ้นมาบนลำตัว คล้าย “หมึกบนผืนผ้า”
ลวดลาย:
– ลวดลายสีดำบนพื้นสีขาว มักไม่สมมาตร ดูเหมือนควันหมอก หรือลวดลายหมึกพู่กันญี่ปุ่น
– ลายจะไม่คงที่ เปลี่ยนได้ตามฤดู เช่น ฤดูหนาวลายดำอาจชัดขึ้น ฤดูร้อนอาจจางลง


Beni Kumonryu (เบนิ คุโมนริว) เป็นปลาคาร์ปที่สืบสายพันธุ์มาจาก Kumonryu โดยมีการเพิ่มสี “แดง” (Beni) เข้าไปในลวดลายเดิม ทำให้ปลาพันธุ์นี้มีสีสันที่โดดเด่นและมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น
สีหลัก:
– มีพื้นสีขาว (Shiro) เป็นพื้นฐาน
– มีลวดลายสี ดำ (Sumi) แบบไม่แน่นอนเหมือน Kumonryu
– และเพิ่มสีแดง (Beni) ที่มักเป็นปื้น ๆ หรือแถบ
จุดเด่นของ Beni Kumonryu
– สีสันโดดเด่น (ขาว-ดำ-แดง)
– ลวดลายเปลี่ยนแปลงได้ ทำให้ไม่จำเจ
– ไม่มีเกล็ด ทำให้สีชัดและดูแปลกตา
– เหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบปลาคาร์ปแนวศิลป์ ดุ ลึกลับ


Tancho Beni Kumonryu คือปลาคาร์ปลายหางดำ-ขาว (Kumonryu) ที่มีลวดลายแดง (Beni) เฉพาะจุดบนหัวแบบ “Tancho” (วงกลมแดงบนหัวคล้ายธงชาติญี่ปุ่น) โดยมีลักษณะเด่นดังนี้:
– ลำตัว: สีขาว-ดำ สลับลายไม่แน่นอน เปลี่ยนไปตามฤดูกาล
– จุดแดง (Tancho): อยู่กลางหัว ขนาดกลม สม่ำเสมอ ไม่มีลามไปที่หน้า/ตัว
– ไม่มีลายแดงอื่น: มีแค่จุดแดงเดียวบนหัวเท่านั้น
– หายาก: เป็นการรวมลักษณะเด่น 3 แบบในตัวเดียว (Tancho + Beni + Kumonryu)


สายพันธุ์ ฮิ อุสึริ เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม Utsurimono ซึ่งHi Utsuri มีความพิเศษในเรื่องการตัดกันของสีดำและสีแดงที่คมชัด ทำให้ลวดลายของปลามีความชัดเจนและสวยงาม
– สีพื้นหลัง (Sumi): สีพื้นหลังของ Hi Utsuri จะเป็นสีดำสนิท กระจายไปทั่วลำตัวของปลา
– ลวดลายสีแดง (Hi): สีแดงจะปรากฏเป็นลวดลายที่กระจายอยู่บนพื้นสีดำ โดยสีแดงจะมีความเข้มและสว่าง


สายพันธุ์ ชิโระ อุสึริ หรือ ชิโร่ อุสึริ หลายท่านเรียกสั้น ๆ ว่า ชิโร่ เป็นหนึ่งในปลาคาร์ปกลุ่ม Utsurimono ที่มีลักษณะเฉพาะและสวยงาม โดย Shiro Utsuri มีลักษณะเด่นดังนี้:
– สีพื้นหลัง (Sumi): สีพื้นหลังของ Shiro Utsuri จะเป็นสีดำที่กระจายทั่วตัวปลา
– ลวดลายสีขาว (Shiro): สีขาวจะปรากฏเป็นลวดลายที่ตัดกับพื้นสีดำ ทำให้ปลามีความโดดเด่นและสวยงาม สีขาวที่สดใสนี้จะทำให้ลวดลายของปลาดูชัดเจนและสะอาดตา


Ki Utsuri คือปลาคาร์ปตระกูล Utsurimono ที่มีลำตัวพื้นสีดำ (Sumi) ตัดกับลวดลายสีเหลือง (Ki) สวยงาม โดดเด่น มีลักษณะสำคัญดังนี้:
– พื้นสีดำเข้ม: สีดำต้องลึกชัดทั่วทั้งตัว
– ลายสีเหลืองสด: กระจายสมดุลทั่วตัว ไม่ซีดหรือด่าง
– หัวต้องมีลาย: ทั้งสีดำและเหลืองควรแสดงบนหัว
– ตาและครีบ: ควรมีลายดำ-เหลืองเช่นกัน


Shiro Bekko คือปลาคาร์ปพื้นสีขาว (Shiro) ที่มีลายดำ (Sumi) กระจายอยู่บนตัวแบบเรียบง่าย โดยมีลักษณะเด่นดังนี้:
– พื้นลำตัวขาวล้วน: ขาวสะอาดทั่วตัว
– ลายดำเล็ก ๆ: กระจายบนลำตัว ไม่ปนบนหัว
– หัวต้องขาวสนิท: ไม่มีลายดำบนหัว
– ครีบขาว: อาจมีแต้มดำเล็กน้อย


ปลาคาร์ปพื้นสีแดง (Aka) ที่มีลายดำ (Sumi) กระจายบนตัวดูเรียบง่ายแต่โดดเด่นด้วยความตัดกันของสีแดง-ดำ มีลักษณะเด่นดังนี้:
– พื้นลำตัวสีแดงสด: เรียบเนียนทั่วทั้งตัว
– ลายดำเล็กๆ: กระจายบนลำตัว ไม่ขึ้นบนหัว
– หัวต้องแดงล้วน: ไม่มีลายดำปน
– ครีบแดง อาจมีแต้มดำบางจุด


Ki Bekko คือปลาคาร์ปพื้นสีเหลือง (Ki) ที่มีลายดำ (Sumi) กระจายบนตัวแบบเรียบง่าย มีลักษณะเด่นดังนี้:
– พื้นลำตัวสีเหลืองสด: สม่ำเสมอทั่วตัว
– ลายดำเล็กๆ: กระจายบนลำตัวเท่านั้น ไม่ขึ้นหัว
– หัวต้องเหลืองล้วน: ไม่มีลายดำ
– ครีบเหลือง อาจมีแต้มดำเล็กน้อย


Tancho Kohaku คือปลาคาร์ปพื้นสีขาวล้วน ที่มีจุดแดงกลม (Hi) อยู่บนหัวเพียงจุดเดียว ลักษณะเด่นคือ:
– ลำตัวขาวสะอาด: ไม่มีลายแดงอื่นเลย
– จุดแดง (Tancho): อยู่กลางหัว รูปร่างกลม สม่ำเสมอ
– ไม่มีลายแดงบนตัว: มีแค่บนหัวเท่านั้น
– สมดุลและคมชัด: จุดแดงต้องเด่นชัด ขอบไม่เบลอ


Tancho Showa คือปลาคาร์ปสามสี (Showa) ที่มีจุดแดง (Tancho) บนหัวเพียงจุดเดียว โดยมีลักษณะเด่นดังนี้:
– จุดแดงกลมกลางหัว: ชัดเจน ขอบคม ไม่มีลาม
– ลำตัวสีดำ-ขาว (Sumi + Shiroji): มีลายดำ-ขาวแบบปลาตระกูล Showa
– ไม่มีลายแดงอื่นบนตัว: ต้องมีแดงเฉพาะที่หัวเท่านั้น
– ลายดำควรเด่น: โดยเฉพาะที่ลำตัวและครีบ


สายพันธุ์ ตันโจ ซังเก้ เป็นปลาคาร์ปที่มีลักษณะเฉพาะและสวยงาม โดยมีคุณสมบัติเด่นดังนี้:
– ลักษณะเด่นของ Tancho: มีจุดสีแดง (Hi) กลมที่บริเวณหัว ซึ่งเป็นลักษณะที่ทำให้ปลาสายพันธุ์นี้มีความพิเศษ
– ลวดลายของ Sanke: มีลายสีดำ (Sumi) และสีขาว (Shiroji) กระจายทั่วลำตัว โดยไม่มีสีแดงในส่วนอื่น
Tancho Sanke เป็นที่นิยมในหมู่นักเลี้ยงปลาคาร์ปเนื่องจากความงดงามและลักษณะเฉพาะที่คล้ายกับธงชาติญี่ปุ่น


Tancho Goshiki คือปลาคาร์ป Goshiki ที่มีจุดแดง (Tancho) กลมบนหัวเพียงจุดเดียว ลักษณะเด่นคือ:
– หัวมีจุดแดงกลมชัด: เด่น สม่ำเสมอ ขอบคม
– ลำตัวสีพื้นเทา-น้ำเงิน: มีเกล็ดลายตาข่าย (net pattern) จากการผสม Kohaku กับ Asagi
– ไม่มีแดงบนตัว: แดงต้องมีเฉพาะบนหัวเท่านั้น
– พื้นสีเข้มตัดกับแดง: ทำให้จุด Tancho เด่นชัดมาก


Kin Showa คือปลาคาร์ป Showa ที่มีประกายโลหะ (Ginrin/Metallic) เพิ่มความเงางาม ลักษณะเด่นคือ:
– ลำตัว 3 สี: ดำ (Sumi), แดง (Hi), ขาว (Shiroji) แบบ Showa
– มีประกายเงา: สีเมทัลลิกทั่วตัว ทำให้ดูแวววาว
– ลายดำชัดเจน: โดยเฉพาะบนหัว ลำตัว และครีบ
– สีแดงสดและขาวสะอาด: ตัดกับประกายเมทัลลิกอย่างโดดเด่น


Gin Shiro คือปลาคาร์ป Shiro Utsuri ที่มีประกายโลหะ (Metallic) ลักษณะเด่นคือ:
– ลำตัวขาว-ดำ: พื้นขาว (Shiroji) กับลายดำ (Sumi) ตัดกันชัดเจน
– ประกายเมทัลลิก: ทั้งขาวและดำมีเงาแวววาวทั่วตัว
– ลวดลายสมดุล: ลายดำกระจายทั่วตัว รวมถึงที่หัวและครีบ
– หัวขาวเงางาม: มักเป็นจุดเด่นของ Gin Shiro


Kin Ki Showa คือปลาคาร์ป Showa ที่มีสีเหลือง-ดำ-ขาว พร้อมประกายเมทัลลิก ลักษณะเด่นคือ:
– ลำตัว 3 สี: เหลือง (Ki), ดำ (Sumi), ขาว หรือพื้นเหลืองล้วน
– มีประกายเมทัลลิก: แวววาวทั่วตัว
– ลายดำเด่น: กระจายบนหัว ลำตัว และครีบแบบ Showa
– สีเหลืองสดตัดดำชัดเจน: ให้ความรู้สึกแปลกตาและหายาก


Yamabuki Ogon คือปลาคาร์ปเมทัลลิกสีเหลืองทองล้วน ลักษณะเด่นคือ:
– สีเหลืองทองสดใส: เรียบเนียนทั่วทั้งตัว
– ประกายเมทัลลิกเงางาม: สะท้อนแสงทั่วลำตัวและครีบ
– ลำตัวสมส่วน เกล็ดเรียงสม่ำเสมอ
– ไม่มีลวดลายอื่น: สีเดียวทั้งตัวแบบเรียบหรู


Platinum Ogon คือปลาคาร์ปสีขาวเงินเมทัลลิกล้วน ลักษณะเด่นคือ:
– สีขาวเงินบริสุทธิ์: เงางามทั่วทั้งตัว
– ประกายเมทัลลิกชัดเจน: สะท้อนแสงได้ดี ดูโดดเด่นในน้ำ
– ไม่มีลวดลายอื่น: สีเดียวทั้งตัวแบบเรียบหรู
– หัวและลำตัวขาวสม่ำเสมอ: เกล็ดเรียงสวย ไม่ด่าง


Orenji Ogon คือปลาคาร์ปสีส้มเมทัลลิกล้วน ลักษณะเด่นคือ:
– สีส้มสดทั่วตัว: สม่ำเสมอ ไม่มีลายอื่น
– ประกายเมทัลลิก: เงางาม สะท้อนแสงชัด
– เกล็ดเรียงสวย หัว-ลำตัวสีส้มเท่ากัน
– ดูสดใสและโดดเด่นในน้ำ


Mukashi Ogon คือปลาคาร์ปสีทองโบราณ (Old-style Ogon) ที่มีประกายเมทัลลิก ลักษณะเด่นคือ:
– สีทองเข้มอมบรอนซ์: ไม่สดใสจัดเหมือน Yamabuki Ogon แต่ดูขรึมและทรงพลัง
– ประกายเมทัลลิกทั่วตัว: เงางามแบบคลาสสิก
– เกล็ดใหญ่ ดูแข็งแรง: ลำตัวบึกบึน
– อาจมีเฉดสีไม่สม่ำเสมอเล็กน้อย: ให้ความรู้สึกดั้งเดิมและมีเอกลักษณ์


Gin Matsuba คือปลาคาร์ปสีขาวเงินเมทัลลิกที่มีลายเกล็ดสะท้อนแสง ลักษณะเด่นคือ:
– พื้นลำตัวสีเงินเงา: สะท้อนแสงแบบเมทัลลิก
– ลายเกล็ดดำตรงกลาง: คล้ายลายใบสน เรียงตัวชัดเจน
– ไม่มีลายอื่นบนตัว: เรียบหรูและสมดุล
– หัวต้องขาวเงินล้วน: ไม่มีจุดหรือรอยดำ


Aka Matsuba คือปลาคาร์ปพื้นสีแดงส้มที่มีลายเกล็ดดำ ลักษณะเด่นคือ:
– พื้นลำตัวสีแดงส้มสด: สม่ำเสมอทั่วตัว
– ลายเกล็ดดำกลางแต่ละเกล็ด: เป็นลายสน (Matsuba) ชัดเจน
– ไม่มีลวดลายอื่นบนตัว: ดูเรียบแต่มีมิติ
– หัวควรเป็นสีแดงล้วน: ไม่มีจุดดำหรือด่าง


Chagoi คือปลาคาร์ปสีชา (น้ำตาล) ที่ดูเรียบง่ายแต่น่าเกรงขาม ลักษณะเด่นคือ:
– สีพื้นน้ำตาล: ตั้งแต่ชาอ่อนจนถึงน้ำตาลเข้ม อาจมีประกายเมทัลลิก
– ลำตัวใหญ่โต แข็งแรง: เติบโตเร็ว เป็นมิตร และเชื่องมาก
– เกล็ดเรียงสวย สม่ำเสมอ
– ไม่มีลายอื่น: สีเดียวทั้งตัว ดูสุขุมและหนักแน่น


Soragoi คือปลาคาร์ปสีเทาเงิน (เทาเมฆ) ที่มีความเรียบง่ายและสง่างาม ลักษณะเด่นคือ:
– สีพื้นเทาหม่นหรือเทาเงิน: เรียบเนียนทั่วตัว ไม่มีลวดลายอื่น
– เกล็ดเรียงสม่ำเสมอ: อาจมีลายตาข่ายอ่อน ๆ (net pattern)
– ลำตัวใหญ่ แข็งแรง: โตเร็วและเชื่องมาก
– บุคลิกสงบ สุขุม: มักเป็นผู้นำฝูงในบ่อคล้าย Chagoi


Karasugoi คือปลาคาร์ปสีดำล้วน หรือดำมีแต้มสีแดง/ส้มบางจุด คล้ายอีกา (Karasu = อีกา) ลักษณะเด่นคือ:
– ลำตัวดำเข้ม: ดำด้านหรือดำเงา ทั่วทั้งตัว
– อาจมีแต้มแดง/ส้ม: บริเวณท้องหรือแก้ม (บางตัว)
– ไม่มีลวดลายซับซ้อน: ดูเรียบแต่ลึกลับ
– ขนาดใหญ่ แข็งแรง: เติบโตดีและดูสง่างาม


Karashigoi คือปลาคาร์ปสีเหลืองมัสตาร์ด ลำตัวใหญ่และเชื่องมาก ลักษณะเด่นคือ:
-สีเหลืองมัสตาร์ด/เหลืองเขียว: เรียบเนียนทั่วตัว
-ไม่มีลวดลายอื่น: สีเดียวทั้งตัวแบบเรียบหรู
-ลำตัวโตเร็ว แข็งแรงมาก: เป็นปลาที่เติบโตไวที่สุดในบ่อ
-นิสัยเชื่องมาก: มักเป็นผู้นำฝูง คล้าย Chagoi


Benigoi คือปลาคาร์ปสีแดงล้วน (Hi) ไม่มีลวดลายอื่น ลักษณะเด่นคือ:
-สีแดงสดทั่วตัว: เรียบเนียน เข้มลึก สม่ำเสมอ
-ไม่มีลายดำหรือขาว: สีเดียวทั้งตัว
-ลำตัวใหญ่ แข็งแรง: โตเร็วและสง่างาม
-หัวและครีบแดงเท่ากัน: ให้ความรู้สึกสมดุล


Shiro Muji คือปลาคาร์ปสีขาวล้วน ไม่มีลวดลายใด ๆ ลักษณะเด่นคือ:
– ลำตัวขาวบริสุทธิ์: เรียบเนียนทั่วทั้งตัว
– ไม่มีลายแดงหรือดำ: ขาวล้วนตั้งแต่หัวจรดหาง
– ดูสง่างามและบริสุทธิ์
– เกล็ดเรียงสวย เงางาม


ปลาคาร์ปเมทัลลิกที่มีลวดลาย ไม่ใช่สีเดียวล้วน ดูสวยงาม หรูหรา และเปล่งประกายในน้ำอย่างโดดเด่น

Sakura Ogon คือปลาคาร์ปเมทัลลิกสีชมพูอมแดง คล้ายดอกซากุระ ลักษณะเด่นคือ:
– สีพื้นชมพู-แดงเมทัลลิก: เงางาม สะท้อนแสง
– สีออกโทนอ่อนหวาน: คล้ายกลีบดอกซากุระ
– ไม่มีลวดลายอื่น: สีเดียวทั่วตัว
– เกล็ดเงาเรียงสม่ำเสมอ


Kujaku คือปลาคาร์ปเมทัลลิกที่มีลายเกล็ดแบบตาข่าย (Matsuba) บนพื้นสีขาว-แดง-ส้ม ลักษณะเด่นคือ:
– พื้นสีเมทัลลิก: เช่น ขาวเงิน แดง ส้ม หรือเหลือง
– ลายเกล็ดดำตรงกลาง: เป็นลายตาข่ายสม่ำเสมอทั่วตัว
– เงางามทั่วลำตัว: จากเกล็ดแบบ Hikari
– หัวต้องสะอาด สีขาวเงินชัดเจน


Hariwake คือปลาคาร์ปเมทัลลิกพื้นขาวเงินที่มีลวดลายสีทองหรือส้ม ลักษณะเด่นคือ:
– พื้นลำตัวสีขาวเงินเมทัลลิก: เงางาม สะอาดตา
– ลวดลายสีทองหรือส้ม: กระจายสมดุลบนตัว
– ไม่มีลายดำ: เน้นความคมชัดของสีขาว-ทอง/ส้ม
– หัวควรขาวใส มีลวดลายชัดเจน


Kikusui คือปลาคาร์ป Doitsu (ไร้เกล็ด) ประเภท Hariwake ที่มีพื้นขาวเงินเมทัลลิกและลายแดง/ส้ม ลักษณะเด่นคือ:
– ลำตัวขาวเงินเมทัลลิก: เงางาม ไม่มีเกล็ด (Doitsu)
– ลายแดงหรือส้มสด: พาดตามแนวกลางหลังอย่างสวยงาม
– หัวขาวสะอาด มีลายชัดเจน
– ไม่มีลายดำหรือจุดด่าง


Kikokuryu คือปลาคาร์ป Doitsu (ไร้เกล็ด) สีดำ-ขาวเมทัลลิก ลักษณะเด่นคือ:
-พื้นลำตัวขาวเงินเมทัลลิก: เงางาม สะท้อนแสง
-ลายดำ (Sumi) คมชัด: อยู่ที่หัว หลัง และลำตัว
-ไร้เกล็ดหรือมีแค่แนวสันหลัง (Doitsu)
-คอนทราสต์สีขาว-ดำชัดเจน: ดูลึกลับและทรงพลัง


Kin Kikokuryu คือปลาคาร์ป Doitsu เมทัลลิกที่มีสี ทอง-ดำ-ขาว ผสมกันอย่างโดดเด่น ลักษณะเด่นคือ:
– พื้นลำตัวทองเมทัลลิก: เงางาม สะท้อนแสงชัด
– ลายดำ (Sumi) คมชัด: กระจายที่หัว หลัง และลำตัว
– ไร้เกล็ด (Doitsu): ผิวเรียบหรือมีเกล็ดเฉพาะแนวสันหลัง
– คอนทราสต์ชัดเจน: ทอง-ดำตัดกันอย่างมีพลัง


Beni Kumonryu คือปลาคาร์ป Doitsu สีดำ-ขาวที่มีลายแดง (Beni) เพิ่มเข้ามา ลักษณะเด่นคือ:
– พื้นลำตัวขาว-ดำ: สีดำ (Sumi) เปลี่ยนแปลงได้ตามฤดูกาล
– ลายแดงสด (Beni): กระจายบนตัว เพิ่มความโดดเด่น
– ไร้เกล็ด (Doitsu): ผิวลื่น เงางาม
– ลายไม่แน่นอน: เปลี่ยนตามอุณหภูมิและสภาพแวดล้อม


Matsukawabake คือปลาคาร์ป Doitsu สีขาว-ดำที่ลายสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามฤดูกาล ลักษณะเด่นคือ:
– พื้นลำตัวขาว: สะอาดตา
– ลายดำ (Sumi): ปรากฏ/จางหายได้ ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิ น้ำ และฤดู
– ไร้เกล็ด (Doitsu): ผิวเรียบ เงางาม
– ลวดลายไม่แน่นอน: เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ทำให้มีเสน่ห์เฉพาะตัว


Ochiba (Ochiba Shigure) คือปลาคาร์ปที่มีพื้นสีเทาเงินและลายสีน้ำตาลแดงคล้ายใบไม้ร่วง ลักษณะเด่นคือ:
– พื้นลำตัวสีเทาเงิน: ดูสงบ เรียบหรู
– ลายสีน้ำตาลแดง (Hi): กระจายคล้ายใบไม้ตกบนผิวน้ำ
– ลวดลายสมดุล: ไม่มากหรือน้อยเกินไป
– อารมณ์นุ่มนวล อ่อนโยน: ชวนให้นึกถึงฤดูใบไม้ร่วง


ปลาคาร์ปหากแยกย่อยแล้วมีมากกว่า 100 สายพันธุ์ ซึ่งจากปลาคาร์ปที่ koikoito.com กล่าวมานั้น เป็นเพียงสายพันธุ์ส่วนหนึ่งของปลาคาร์ปที่ได้รับความนิยม ทั้งการเลี้ยงเพื่อความสวยงามไปจนถึงการส่งประกวด ซึ่งท่านใดสนใจอยากได้ปลาคาร์ปสวย ๆ สามารถเข้ามาเยี่ยมชมและเป็นเจ้าของได้ที่ Koikoito – Japanese Carp in Thailand หรือแอดไลน์ @koikoito ได้เลย

11 อาหารปลาคาร์ป สูตรเร่งสี ยี่ห้อไหนดี 2025 ผิวปลาสดใส สีสวยเด่นชัด

สำหรับปลาคาร์ป ผิวจะบ่งบอกได้ถึงสุขภาพของปลาได้เป็นอย่างดี หากได้รับสารอาหารที่ดีมีประโยชน์ ปลาตัวนั้นก็จะแสดงศักยภาพในตัวออกมาได้เต็มที่ ทั้งในเรื่องของสี รูปร่าง ขนาดตัว และสุขภาพของปลาคาร์ป ซึ่งศักยภาพเหล่านั้นก็จะประกอบไปด้วยปัจจัยหลาย ๆ อย่างด้วยกัน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คืออาหารของปลาคาร์ปด้วย โดยในบทความนี้เราจะมาแนะนำอาหารปลาคาร์ป สูตรเร่งสี ที่ให้ทำให้ปลาคาร์ปตัวโปรด สีสวยสดและสุขภาพแข็งแรงด้วย

อาหารปลาคาร์ป สูตรเร่งสี ยี่ห้อไหนดี

Jumbo Koi อาหารปลาคาร์ปเร่งสี สูตรธัญพืช เพิ่มโปรตีน 38% สีสดขึ้น แดงฉํ่า ปรับผิวขาว ผิวไม่เหลือง ตั้งแต่ถุงแรกที่ให้กิน หน้านํ้าไม่มัน ขี้ปลาไม่ฟุ้งกระจาย อาหารมีกลิ่นหอมย่อยง่าย

คุณสมบัติเด่นของ Jumbo Koi

  • ช่วยให้เกร็ดเงางาม น้ำไม่ขุ่น
  • มีส่วนผสม Astrazanthin เร่งสีไวใน 2 สัปดาห์
  • มีส่วนผสม Polyphenol สารที่ต่อต้านอนุมูลอิสระ
  • มีส่วนผสม Synbiotics ช่วยในการดูดซึมได้ดี
  • มีส่วนผสม Flavonoid ช่วยบำรุงตับปลาจากการเร่งสี

ราคาโดยประมาณ: 2,300 บาท (ขนาด 10 Kg.)


Aqua Master Colour Enhancer สูตรเร่งสีพิเศษ ดสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพสูง มีแร่ธาตุที่จำเป็นต่อปลา ผสมสาหร่ายสไปรูลีน่า และ แอสตาแซนิทนเข้มข้น ช่วยทำให้เกร็ดของปลาคาร์ปเงางาม เพิ่มสีสันของปลาคาร์ปให้มีสีที่แข็มคมชัดมากยิ่งขึ้น ไม่เพียงแค่ปลากินแล้ว สีสวย โตเร็ว เพียงอย่างเดียว แต่ยังดีต่อสุขภาพของปลาคาร์ปอีกด้วย

คุณสมบัติเด่นของ Aqua Master

  • เพิ่มส่วนผสมของ โปรไบโอติก (Probiotics) เพื่อกำจัดเแบคทีเรียที่เป็นอันตรายในลำไส้ของปลาและช่วยทำให้ลดโอกาสการเจ็บป่วย
  • เพิ่มส่วนผสมของ กรดอะมิโนแอซิด (amino acids) ที่จำเป็นต่อระบบย่อยอาหารเพื่อให้ปลาสามารถดูดซึมสารอาหาร
  • เพิ่มโปรตีน 40% เพิ่มสีสัน และการเจริญเติบโตของปลาคาร์ป

ราคาโดยประมาณ: 1,270 บาท (ขนาด 5 Kg.)


อาหารปลาคาร์ป WinLy Koi ของวิลลี่ แมคอินทอช ผลิตจากโรงงาน FD Food ประเทศญี่ปุ่น เลือกเฉพาะส่วนผสมคุณภาพสูง มีโปรตีน minimum 38% ในสูตรเร่งสี เป็นอาหารปลาคาร์ปสูตรยืนพื้นทานได้ทุกวัน บำรุงผิวและเกล็ดของปลาให้สวยงาม เสริมสร้างความแข็งแรง ปลาย่อยและดูดซึมไปใช้ได้ดี ทำให้บอดี้แข็งแรง สวยงามและสมส่วน

คุณสมบัติเด่นของ WinLy Plus

  • บำรุงผิวและเกล็ดของปลาให้สวยงาม
  • ปลาย่อยและดูดซึมไปใช้ได้ดี ทำให้แข็งแรงบอดี้สมส่วน
  • เพิ่มขนาดบอดี้อย่างยั่งยืน โดยปลาไม่เครียด
  • อาหารเน้นสารอาหารสมดุลแบบโปรตีนสูง 38%

ราคาโดยประมาณ: 1,070 บาท (ขนาด 4 Kg.)


อาหารปลาคาร์ปโค่ยคิง อาหารปลาคาร์ปเกรดพรีเมี่ยม นำเข้าจากประเทศจีน ด้วยสาหร่ายสไปรูลิน่าเกรดพรีเมี่ยมสายพันธ์ที่ดีที่สุดในโลก มีค่าสาหร่ายสูงถึง 12% ช่วยให้ผิวปลาสดใส สวยเด่น เห็นชัด อย่างเป็นธรรมชาติ มีโปรตีนสูงถึง 40% ช่วยเร่งการเติบโต และสร้างกล้ามเนื้อ อุดมด้วยสารอาหารและวิตามินที่จำเป็นเช่น วิตามินซีช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระและเสริมภูมิคุ้มกันโรค

คุณสมบัติเด่นของ KoiKing

  • ช่วยให้ผิวปลาสดใส สวยเด่น เห็นชัด ในระยะเวลาอันรวดเร็ว
  • น้ำไม่ขุ่น ลดปัญหาน้ำเน่าเสีย
  • ช่วยทำให้ปลามีสุขภาพดี แข็งแรง สีสวยงาม
  • เร่งโต สุขภาพดี ด้วยโภชนาการครบถ้วน

ราคาโดยประมาณ: 1,950 บาท (ขนาด 5 Kg.)


อาหารปลาคาร์ป SKF อาหารปลาเกรดพรีเมียม “ศึกษา ค้นคว้า ตั้งใจ” กลั่นกรองออกมาเป็น Supreme Koi Food อาหารปลาคาร์ปที่จะสร้างรากฐานที่ดีให้กับปลา ด้วยสูตรใหม่ที่เรียกว่า Foundation Formula High Growth + Wheat Germ + Color Enhancing รวมอยู่ในถุงเดียว จากฟาร์มปลาคาร์ปเกรดประกวดระดับ Top ของเมืองไทย ใช้วัตถุดิบที่ดีที่สุดเพื่ออาหารปลาที่ดีที่สุด “The best ingredients for the best koi food” ภายใต้ Zero Waste อาหารปลาได้กิน ถุงคนได้ใช้

คุณสมบัติเด่นของ Supreme Koi

  • เร่งสี เร่งการเจริญเติบโต ดูแลสุขภาพปลาในถุงเดียว
  • คุณภาพน้ำไม่เสีย
  • คุณภาพเม็ดอาหารไม่ยุ่ยง่าย
  • มาตรฐานโรงงานผลิตระดับโลก

ราคาโดยประมาณ: 169 บาท (ขนาด 0.5 Kg.)


อาหารปลาคาร์ปไซเตกิ สูตรเร่งสีอย่างรวดเร็ว อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีความเหมาะสมต่อความต้องการของปลาทั้งสาหร่ายสไปรูไลน่า ประกอบด้วยสารสีจากธรรมชาติในปริมาณสูง เช่น คลอโรฟิลด์ แคโรทีนอยด์ และไฟโคไซยานิน ที่มีความสำคัญต่อการเกิดสีของปลา สารเร่งสีแอสทาแซนธินเป็นสารเร่งสีชนิดหนึ่งในกลุ่มแคโรทีนนอยด์ ซึ่งเป็นสารประกอบที่ช่วยให้เซลล์สีในตัวปลาสร้างเม็ดสีเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะสีแดง ช่วยให้ปลาคาร์พมีสีสันที่เข้มขึ้น

คุณสมบัติเด่นของ Saiteki

  • ช่วยการดูดซึมสารอาหาร เพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน พร้อมกับบำรุงผิวหนัง และเพิ่มสีสันของปลาอย่างรวดเร็ว
  • ใช้แล้วน้ำไม่ขุ่นรับรองความสะอาดของน้ำ เนื่องจากอาหารมีคุณสมบัติลอยและไม่แตกตัวง่าย จึงไม่ทำให้น้ำขุ่น
  • อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีความเหมาะสมต่อความต้องการของปลา
  • ช่วยลดการสะสมของไขมันส่วนเกินที่ทำให้ปลาไม่อ้วนผิดรูปทรง

ราคาโดยประมาณ: 1,900 บาท (ขนาด 7 Kg.)


อาหารปลาคาร์ป สูตรเร่งโตและเร่งสี ในถุงเดียวกัน ผสมน้ำผึ้งจากธรรมชาติ เป็นสูตรที่ให้ปลากินได้ต่อเนื่องทุกวัน ช่วยเพิ่มพลังงานให้กับปลา ช่วยเพิ่มการเติบโต มีสีสันสวยงาม มีโปรไบโอติก ช่วยดูแลระบบย่อยและดูดซึมสารอาหารได้ดี ทำให้ปลาคาร์ปมีสุขภาพที่ดี

คุณสมบัติเด่นของ Boost

  • เร่งโต เร่งสี ผสมน้ำผึ้งจากธรรมชาติ
  • เป็นสูตรที่ให้ปลากินได้ต่อเนื่องทุกวัน
  • มีส่วนผสมของน้ำผึ้ง ช่วย ลดความเครียด ช่วย สมานแผลในตัวปลาได้เร็วขึ้น ทำให้ปลามีสุขภาพดี
  • มีโปรไบโอติก ช่วยดูแลระบบย่อยและดูดซึมสารอาหารได้ดี

ราคาโดยประมาณ: 220 บาท (ขนาด 1.5 Kg.)


อาหารปลาคาร์ปซากุระโค่ย สูตรเร่งสีแบบรวดเร็ว ด้วย 3 คุณค่าสารสกัดจาก Astaxantin, Chili Powder และคริลล์จากนอร์เวย์ เห็นผลใน 15 วันหลังใช้ต่อเนื่อง เร่งสีแดงและสีส้มที่ฝังในตัวปลา ให้มาไวขึ้นทันตาเห็น มีโปรตีนสูง 40% เร่งโตได้เป็นอย่างดี มีความสวยงามไปพร้อมกับสีสันของปลา อัดเม็ดอาหารมาอย่างดี เม็ดสวยเท่ากัน ลดปัญหาน้ำขุ่นจากการแตกตัวของอาหาร-ปลาย่อยง่าย ดูดซึมสารอาหารได้ดี ขี้ปลาจึงไม่ฟุ้งกระจาย

คุณสมบัติเด่นของ Sakura Koi

  • โปรตีนสูง 40% เร่งโตได้เป็นอย่างดี มีความสวยงามไปพร้อมกับสีสันของปลา
  • มีวิตามินต่างๆ รวมเอาไว้มากมาย ช่วยให้ผิวปลาสุขภาพดี ไม่เหลือง
  • ลดปัญหาน้ำขุ่นจากการแตกตัวของอาหาร-ปลาย่อยง่าย ดูดซึมสารอาหารได้ดี

ราคาโดยประมาณ: 1,215 บาท (ขนาด 4 Kg.)


เจพีดี อาหารปลาคาร์ปพรีเมี่ยม สูตรเร่งสี มีแอสตาแซนธินทำให้สีแดงแดงและวิตามินซีทำให้ผิวขาวขึ้น ส่วนผสมเหล่านี้ทำให้หุ่นสวยเป็นประกาย อุดมด้วยวิตามินซีหลักที่ช่วยรักษาสีขาวบนตัวปลาคราฟ นอกจากนี้การย่อยได้ดียังดีต่อลำไส้และความน่ารับประทานสูงมาก คงรูปร่างไว้ในน้ำเป็นเวลานาน ไม่ส่งผลเสียต่อคุณภาพน้ำ

คุณสมบัติเด่นของ JPD Yamato

  • แอสตาแซนธินทำให้สีแดงแดงและวิตามินซีทำให้ผิวขาวขึ้น ส่วนผสมเหล่านี้ทำให้หุ่นสวยเป็นประกาย
  • อุดมด้วยวิตามินซีหลักที่ช่วยรักษาสีขาวบนตัวปลาคราฟ
  • มีส่วนผสมคุณภาพสูงซึ่งทำให้การย่อย ดีต่อลำไส้และความน่ารับประทานสูงมาก
  • เม็ดจะคงรูปร่างไว้ในน้ำเป็นเวลานาน อาหารนี้ไม่ส่งผลเสียต่อคุณภาพน้ำ

ราคาโดยประมาณ: 179 – 339 บาท (ขนาด 0.5 – 1 Kg.)


อาหารปลาคาร์ปสูตรเร่งสี มีโปรไบโอติก เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน เหมาะกับช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลง มี Hikari Germ ช่วยระบบย่อย ทำให้ดูดซึมสารอาหารได้ดียิ่งขึ้นได้รับสารอาหารครบถ้วน

คุณสมบัติเด่นของ Saki Hikari

  • อุดมด้วยโปรตีนและคาร์โบไฮเดรตและสารอาหารอื่น ๆ
  • ปลาจึงเจริญเติบโตได้ดี และมีสีสันที่สดสวย คมชัด
  • มีส่วนผสมของสาหร่ายสไปรูลิน่าที่ผ่านการเพาะเลี้ยงและการคัดเลือกอย่างพิถีพิถัน
  • ระบบกรองแบบชีวภาพมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น ส่งผลให้น้ำที่ผ่านการบำบัดมีคุณภาพดีขึ้น

ราคาโดยประมาณ: 299 บาท (ขนาด 0.5 Kg.)


อาหารปลาคาร์ป UP Redparty เป็นอาหารที่เหมาะกับคนเลี้ยงปลา เพราะเป็นสูตรที่ทำให้ปลาสีสด ด้วยสารอาหารหลัก 3 ชนิด สาหร่ายสไปรูลีน่า (Spirulina), งาดำ (Black Sesame Seeds), ข้าวไรซ์เบอรี่ (Riceberry Rice), จมูกข้าวสาลี (Wheat Germ) มาผสมผสานในปริมาณที่ลงตัว เพื่อให้เกิดประโยชน์กับตัวปลาให้มากที่สุด และยังเสริมวัตถุดิบจากธรรมชาติ ที่มีวิตามินสูง เพื่อให้ปลาได้รับสิ่งที่ดีที่สุด

คุณสมบัติเด่นของ UP Redparty

  • การนำเอาวัตถุดิบที่ให้คุณประโยชน์กับสีของตัวปลามากที่สุด
  • เสริมด้วยคุณประโยชน์จากวัตถุดิบจากธรรมชาติ ที่มีคุณค่าทางวิตามินสูง
  • ประกอบไปด้วย สารแอสต้าแซนทิน (Astaxantin), สาหร่ายสไปรูลีน่า (Spirulina), งาดำ (Black Sesame Seeds), ข้าวไรซ์เบอรี่ (Riceberry Rice), จมูกข้าวสาลี (Wheat Germ)

ราคาโดยประมาณ: 535 บาท (ขนาด 2 Kg.)


ข้อควรระวัง สำหรับผู้ที่เลี้ยงปลาคาร์ปเพื่อการประกวด การให้อาหารเร่งสีควรงดให้ก่อน 1 เดือน ก่อนที่จะส่งปลาเข้าประกวด และอย่าให้อาหารสูตรอื่นๆ จนมากเกินไปเพราะจะทำให้ปลาโตไวเกินจนสีแตกได้ นอกจากนั้นยังมีปัจจัยที่มีผลกับสีของปลาคาร์ป เช่น สิ่งแวดล้อมของบ่อเลี้ยง แสงแดด สภาพน้ำ เป็นต้น

10 ยารักษาโรคปลาคาร์ป ยาแบบไหน ใช้รักษาอาการตรงจุด?

ในปัจจุบัน การเลี้ยงปลาคาร์ปได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ปลาคาร์ปไม่เพียงแต่มีสีสันสดใสสะดุดตา ยังมีหลากหลายสายพันธุ์ให้เลือกตามความชอบของผู้เลี้ยง แต่ละสายพันธุ์ก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งลวดลายและสีสันที่แตกต่าง มูลค่าของปลาคาร์ปบางตัวนั้นสูงจนสะท้อนความสวยงามของมันได้อย่างลงตัว

อย่างไรก็ตาม เมื่อปลาคาร์ปที่เรารักเกิดอาการป่วยขึ้นมา ย่อมทำให้เจ้าของรู้สึกกังวลไม่น้อย เพราะโรคในปลาคาร์ปมีหลายชนิด และการเลือกใช้ยาที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญเพื่อช่วยรักษาอาการป่วยได้อย่างตรงจุด วันนี้ Koikoito ได้รวบรวมคำแนะนำเกี่ยวกับ “10 ยารักษาโรคสำหรับปลาคาร์ป” เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้เลี้ยงทุกท่านดูแลปลาคาร์ปของตนเองให้แข็งแรง และลดความเสี่ยงในการเกิดโรคในระยะยาว มาติดตามกันเลย!

ในการใส่ยาควรปรึกษาสัตวแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อน เพื่อลดความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อตัวปลา ไม่ว่าจะเป็น การให้ยาเกินขนาด การให้ยาโดยตรง ซึ่งจะทำให้ปลาตัวคด ช็อค และอาจทำให้ตายได้


ฟอร์มาลิน (Formalin)

ฟอร์มาลิน (Formalin): เมื่อพูดถึง “ฟอร์มาลิน” หลายคนอาจรู้สึกหวาดกลัวเพราะชื่อเสียงที่มักถูกเชื่อมโยงกับอันตราย แต่ในความเป็นจริง ฟอร์มาลินถือเป็นยาสามัญประจำตู้ของผู้เลี้ยงปลาคาร์ปหลายคน เนื่องจากเป็นสารเคมีที่มีประโยชน์ในการกำจัดสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก เช่น โปรโตซัว และ ปรสิต ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคต่าง ๆ ที่พบในปลาคาร์ป เช่น:

• โรคปรสิตผิวหนัง

• โรคจุดขาว

• เห็บปลา

• โรคตกเลือดตามซอกเกล็ด

ฟอร์มาลินสามารถใช้รักษาโรคเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากใช้อย่างถูกต้องและเหมาะสม

วิธีใช้ฟอร์มาลินอย่างปลอดภัย

1. ปรับสัดส่วนการใช้ให้เหมาะสม:

• ความเข้มข้นของฟอร์มาลินที่ใช้จะขึ้นอยู่กับประเภทของโรค

• ควรชั่งตวงวัดปริมาณอย่างแม่นยำ โดยใช้เครื่องมือที่เชื่อถือได้

2. ข้อควรระวัง:

• ใช้ใน ความเข้มข้นต่ำมาก เท่านั้น เพื่อลดผลกระทบต่อปลา

• ควรใช้ฟอร์มาลินในช่วงเวลาที่มีแสงแดด เพราะแสงแดดช่วยลดความเป็นพิษของฟอร์มาลิน

• ห้ามใช้ ฟอร์มาลินร่วมกับด่างทับทิม (Potassium Permanganate) เด็ดขาด เพราะอาจเกิดปฏิกิริยาที่เป็นอันตรายต่อปลา

3. การเก็บรักษา:

• เก็บฟอร์มาลินในภาชนะที่ทึบแสง

• วางไว้ในที่เย็นและมีอากาศถ่ายเทสะดวก

• หลีกเลี่ยงการเก็บในบริเวณที่โดนแสงแดดจัด

4. ศึกษาข้อมูลให้ละเอียดก่อนใช้:

การใช้ฟอร์มาลินจำเป็นต้องมีความรู้พื้นฐานและปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด หากไม่มั่นใจ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจส่งผลต่อสุขภาพของปลา

ฟอร์มาลินอาจดูน่ากลัวในตอนแรก แต่หากใช้อย่างเหมาะสมและอยู่ในข้อจำกัดที่ถูกต้อง มันสามารถเป็นเครื่องมือสำคัญในการป้องกันและรักษาโรคต่าง ๆ ของปลาคาร์ปได้อย่างดีเยี่ยม

อัตราส่วนที่แนะนำ : 40 (ml, g) ต่อปริมาตรน้ำ 1 (ลูกบาศก์เมตร, ตัน)

ข้อควรระวัง : อย่าลืมสวมถุงมือและปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัยทุกครั้งที่ใช้งาน!


เอนโรฟลอคซาซิน (Enrofloxacin)

เอนโรฟลอคซาซิน (Enrofloxacin) เป็นยาปฏิชีวนะที่ใช้รักษาและยับยั้งเชื้อแบคทีเรียเป็นสาเหตุที่ทำให้ปลามีอาการตัวแดง หางเปื่อย ตัวเปื่อย ครีบหุบ เกล็ดพอง มีเส้นเลือดตามตัวหรือมีแบคทีเรียอื่น ๆ อยู่ในตัว สามารถใช้ยาชนิดนี้รักษาได้ ใช้กำจัดแบคทีเรียชนิดแกรมบวก (Gram-positive bacteria) และเชื้อแบคทีเรียชนิดแกรมลบ (Gram-negative bacteria) เป็นยาที่ออกฤทธิ์ได้ดี โดยออกฤทธิ์ยับยั้ง DNA-gyrase ดูดซึมเร็ว มีความปลอดภัย สะดวกต่อการใช้ใช้รักษาโรคติดเชื้อแบคทีเรียที่ไวต่อยา Enrofloxacin ในระบบทางเดินหายใจ ระบบทางเดินอาหาร ระบบสืบพันธุ์ ผู้เลี้ยงหลายๆท่านก็รู้จักกันดีมีการใช้อย่างแพร่หลายทั้งในฟาร์มปลาและฟาร์มกุ้ง สามารถใช้อย่างต่อเนื่องทุกวันจนกว่าอาการป่วยของปลาจะดีขึ้นได้ ไม่ก่อให้เกิดสารตกค้างในตัวปลา สามารถใช้ผสมกับน้ำ หรือคลุกผสมกับอาหารให้ปลาคาร์ปรับประทานได้

อัตราส่วนที่แนะนำ : 30 (ml, g) ต่อปริมาตรน้ำ 1 (ลูกบาศก์เมตร, ตัน)

ข้อควรระวัง : ห้ามสูดดม ห้ามสัมผัสดวงตาและผิวหนังโดยตรง


แอนตี้แบค (Anti Bac)

แอนตี้แบค (Anti Bac) เป็นยาที่ใช้รักษาอาการติดเชื้อจากแบคทีเรีย ตั้งแต่ขั้นเล็กน้อยไปจนถึงขั้นรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นแผลอักเสบเหงือกอักเสบ ลำตัวเป็นขุย ติดเชื้อระบบทางเดินอาหาร ตกเลือด หรืออาการภายนอกต่าง ๆ สามารถฆ่าเชื้อและยับยั้งการเจริญเติบโตแบคทีเรียได้อย่างดีและรวดเร็ว รวมถึงโรคแทรกซ้อนที่เกิดจากแบคทีเรียอีกด้วย มีฤทธิ์ในวงกว้างฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้ทั้งแกรมบวกและแกรมลบคล้าย ๆ กับเอนโรฟลอคซาซิน ส่วนใหญ่ผู้เลี้ยงและเจ้าของฟาร์มต่าง ๆ นิยมนำ แอนตี้แบค (Anti Bac) มาใช้ในการผสมน้ำเพื่อกักโรคปลาก่อนลงบ่อ หรือ ส่งปลาต่อไปยังสถานที่ต่าง ๆ เป็นขั้นตอนสำคัญในการป้องกันโรคและรักษาสุขภาพปลาคาร์ป ทำให้ปลาปลอดภัยต่อแบคทีเรียต่าง ๆ ที่ติดตามตัวมา และยังสามารถใช้ผสมกับอาหารเพื่อให้ปลากินติดต่อกันได้ทุกวันจนกว่าจะหายจากอาการป่วยได้อีกด้วย

อัตราส่วนที่แนะนำ : 10 g ต่อปริมาตรน้ำ 1 (ลูกบาศก์เมตร, ตัน)

ข้อควรระวัง : เก็บอย่างมิดชิด หลีกเลี่ยงแสงแดด เพราะอาจจะทำให้ยาเสื่อมสภาพได้

คำแนะนำ : ควรปิด UV ตลอดการรักษา


ทิปกิน (Tipkin)

ทิปกิน (Tipkin) เป็นยาปฏิชีวนะที่ใช้ในการรักษาอาการป่วยที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียได้อย่างครอบคลุม (Broad Spectrum) ตัวยาเป็นสีใสไม่มีสี สำหรับปลาที่ติดเชื้ออย่างรุนแรงก็สามารถใช้ได้ ออกฤทธิ์อย่างสมดุล ไม่ส่งผลข้างเคียงแก่ปลา ไม่ว่าจะมีแผลเปื่อย มีหนอง พุพอง แผลอักเสบอย่างรุนแรง มีเส้นเลือดขึ้นตามตัว ก็สามารถใช้ยาชนิดนี้ฉีดเพื่อรักษาได้ ฉีดเข้าที่กล้ามเนื้อของปลา บริเวณครีบอก สามารถฉีดได้วันเว้นวันจนกว่าปลาจะอาการดีขึ้น แต่ไม่ควรเกิน 2 สัปดาห์

ข้อควรระวัง : ไม่ควรฉีดติดต่อกันเกิน 2 สัปดาห์


ด่างทับทิม (Potassium Permanganate)

ด่างทับทิม (Potassium Permanganate) ชื่อนี้รู้จักกันดี เป็นสารเคมีสีม่วงเข้ม หาซื้อได้ง่ายตามร้านขายยาทั่วไป นิยมใช้กันในหลากหลายวงการ เพราะมีสรรพคุณในการต้านเชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย สามารถใช้ล้างทำความสะอาดตู้ปลา บ่อปลา อุปกรณ์การเลี้ยงปลา และกำจัดแบคทีเรีย ปรสิต ในตู้ปลา ด้วยการใส่ด่างทับทิมลงไปในน้ำ แล้วแช่ทิ้งไว้ 1 คืน หรือจะแก้อาการป่วยของปลาคาร์ปที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ไม่ว่าจะเป็นโรคเห็บปลา ปลาตัวแดง ปลานอนก้นบ่อ รักษาแผลในตัวปลา ก็สามารถใช้ด่างทับทิมในการรักษาได้ โดยการใช้งานจะต้องใช้กับความเข้มข้น 2 – 4 ppm เพื่อฆ่าเชื้อโรคต่างๆ

อัตราส่วนที่แนะนำ : 2 g ต่อปริมาตรน้ำ 1 (ลูกบาศก์เมตร, ตัน)

ข้อควรระวัง : ระวังการใช้ในปริมาณสูงเพราะอาจทำให้ปลาเป็นแผลไหม้


เกลือสมุทร (Sea Salt)

เกลือสมุทร หรือ เกลือทะเล (Sea Salt) เป็นยาสามัญประจำตู้อีกชนิดหนึ่งของผู้เลี้ยงปลาคาร์ปและปลาสวยงาม สรรพคุณไม่ได้มีแค่ความเค็มเท่านั้น แต่ยังมีระโยชน์ต่อปลาได้อีก เกลือจะช่วยทำให้ปลาคาร์ปของเราปรับสมดุลระหว่างภายในตัวได้ง่ายขึ้น เกลือจะเข้าไปช่วยลดแรงดันของน้ำที่เข้าไปอยู่ในตัวปลา ทำให้ปลามีพลังงานไปใช้ต่อสู้กับเชื้อโรค หรือ ช่วยลดความเครียดของปลา รวมไปถึงกำจัดปรสิตภายนอก ฆ่าเชื้อโรคบางชนิด และยังกระตุ้นให้ปลา สร้างเมือก การใช้เกลือกับปลา สามารถใส่ได้ในหลายขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นตอนที่ปลาป่วย เปลี่ยนน้ำใหม่ ย้ายปลา และในเวลาที่ปลาปกติจะเป็นการป้องกันปรสิต ซึ่งเกลือสมุทรมีประโยชน์ทั้งแบบ รักษาโรค และ ป้องกันโรค ในเวลาเดียวกัน

อัตราส่วนที่แนะนำ : ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ที่จะรักษา ตั้งแต่ 1-7 kg ต่อปริมาตรน้ำ 1 (ลูกบาศก์เมตร, ตัน)

ข้อควรระวัง : ระวังไม่ใช้ในปริมาณสูงเกินไปเพื่อป้องกันการเปลี่ยนแปลงความดันออสโมซิสของปลา และเกลือที่ไม่ควรมีสารไอโอดีนเติมเสริมเข้าไป


ไซคลอสเปรย์ (Cyclo Spray)

ไซคลอสเปรย์ (Cyclo Spray) เป็นสเปรย์สำหรับพ่นรักษาบาดแผลภายนอก ป้องกันและรักษาอาการติดเชื้อของบาดแผลต่างๆ มีส่วนประกอบด้วยตัวยา คลอเตตร้าไซคลิน และ ไฮโดรคลอไรด์ ไม่ว่าจะเป็น แผลสด แผลเปื่อย แผลติดเชื้อ แผลอักเสบ เป็นหนอง และแผลผ่าตัด ควรทำความสะอาดแผลให้เรียบร้อยก่อน ลอกคราบเลือด คราบน้ำเหลือง และเศษเนื้อที่ตายออก จากนั้นฉีดพ่นให้ทั่วบริเวณบาดแผลที่ต้องการรักษาได้เลย เพื่อให้ตัวยาออกฤทธิ์รักษาบาดแผลที่ติดเชื้อได้ดี ปกติแล้วยาชนิดนี้ส่วนใหญ่ผู้เลี้ยงจะใช้กับสัตว์ใหญ่ แต่กับปลาคาร์ปก็สามารถใช้รักษาแผลเป็นได้เช่นกัน ไม่เป็นอันตรายต่อปลาคาร์ป

ข้อควรระวัง : เป็นยาที่ใช้ภายนอกเท่านั้น เก็บในที่เย็น อุณหภูมิต่ำกว่า 25 องศาเซลเซียส พ้นจากแสงแดดส่องโดยตรง และเก็บยาให้พ้นจากมือเด็ก


เบตาดีน (Betadine)

เบตาดีน (Betadine) เป็นยาสามัญที่สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยา และร้านสะดวกซื้อทั่วไป สามารถใช้ได้กับคนและสัตว์ ใช้ทารักษาแผลบนตัวปลา สามารถใส่ไปที่แผลโดยตรงได้เลย มีสารออกฤธิ์หลักคือโพวิโดนไอโอดีน (Povidone-Iodine) ซึ่งมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อโรคที่หลากหลาย เช่น แบคทีเรีย เชื้อรา และไวรัส จึงเหมาะสำหรับการรักษาแผลภายนอกของปลา ช่วยเร่งการสมานแผล ทำให้แผลฟื้นตัวเร็วขึ้น เหมาะกับการใช้เฉพาะจุด เช่นบาดแผลจากการบาดเจ็บ หรือ โรคแผลเปื่อย (Ulcer Disease) สามารถใช้ได้ทุกวันจนกว่าแผลจะหายดี

ข้อควรระวัง : เบตาดีนมีฤทธิ์สูง อาจจะทำให้ระคายเคืองหากใช้ในปริมาณที่มากจนเกินไป ไม่ใช้ในบ่อรวมเพราะอาจจะส่งผลกระทบต่อปลาตัวอื่นๆและจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ และควรหลีกเลี่ยงบริเวณตาหรือเหงือของปลา


Para – Cide

Para-Cide เป็นยาสูตรเข้มข้นสำหรับใช้ป้องกัน และกำจัดปรสิตที่เกาะอยู่บนตัวปลาคาร์ป เช่น เห็บปลา ปลิงใส หนอนสมอ รวมไปถึงโรคจุดขาว ถ้าปลาของท่านมีอาการกระโดด ปลาว่ายน้ำแฉลบ ปลาลอยหัว แสดงว่ากำลังมีปรสิตหรือเชื้อโรคต่างๆเกาะตัวอยู่ ก็สามารถใช้ยาชนิดนี้ได้เลย โดยวิธีใช้จะต้องชั่งตวงอย่างเหมาะสม 1 ml ต่อปริมาณน้ำในบ่อเลี้ยง 1 ตัน นำยาใส่ขวดเปล่าแล้วใส่น้ำเติมลงไปเพื่อลดความเข้มข้น จากนั้นเทใส่ในช่องกรองของบ่อปลา โดยแบ่งทีละน้อย ระยะเวลาห่างกันอย่างน้อย 30 นาที เมื่อครบ 24 ชั่วโมงให้เปลี่ยนน้ำ 20% สามารถใช้สำหรับการกักโรคปลา ก่อนลงปลาใหม่ได้อีกด้วย

อัตราส่วนที่แนะนำ : 1 (ml, g) ต่อปริมาตรน้ำ 1 (ลูกบาศก์เมตร, ตัน)

ข้อควรระวัง : ไม่ควรใช้เกินปริมาณที่แนะนำ หลีกเลี่ยงการใส่โดนตัวปลา ใส่บริเวณที่มีออกซิเจนเยอะ ๆ หรือในช่องกรอง เพื่อลดการสัมผัสโดยตรงกับตัวปลา


Bac – Stop

Bac-Stop ตัวยาสีน้ำเงินผลิตและพัฒนาสูตรโดยสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์น้ำ เหมาะสำหรับปลาคาร์ปและปลาสวยงามทั่วไป มีสรรพคุณป้องกันและกำจัดแบคทีเรีย แผลตามตัว ผื่นแดง แผลเน่า ตกเลือด และแผลติดเชื้อต่างๆ รวมถึงยังสามารถใช้ร่วมกับ Para-Cide ในช่วงกักโรคของปลาใหม่ที่จะลงบ่อได้อีกด้วย ผู้เลี้ยงหลายท่านมักจะนิยมใช้ เรียกว่าเป็นยาสามัญประจำตู้เลยก็ว่าได้เพราะรักษาได้อย่างรวดเร็วและได้ผลดี สามารถใช้ติดต่อกันได้ 7 – 14 วัน แนะนำให้เปลี่ยนน้ำวันละ 20-30% เพื่อลดค่าของเสียในช่วงการรักษา

อัตราส่วนที่แนะนำ : 50 (ml, g) ต่อปริมาตรน้ำ 1 (ลูกบาศก์เมตร, ตัน)

ข้อควรระวัง : ไม่ควรใช้เกินปริมาณที่แนะนำ ใส่บริเวณที่มีออกซิเจนเยอะ ๆ หรือในช่องกรอง เพื่อลดการสัมผัสโดยตรงกับตัวปลา


การใช้ยาประเภทต่าง ๆ แนะนำให้ผู้เลี้ยงแยกปลาที่ป่วยออกมาจากบ่อหลัก เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคไม่ให้ไปติดปลาคาร์ปตัวอื่น ๆ และประหยัดปริมาณยา ไม่กระทบปลาตัวอื่น ๆ แนะนำให้งดอาหารตลอดการรักษา เผื่อลดของเสียจากการขับถ่าย ซึ่งอาจจะทำให้เกิดโรคแทรกซ้อน การรักษาอาจได้ผลช้ากว่าที่ควร การวินิจฉัยโรคที่ถูกต้องก็มีความสำคัญในการเลือกยา เพราะจะได้รักษาอย่างตรงจุด และจะช่วยให้หายจากอาการป่วย มีสุขภาพแข็งแรง

15 อุปกรณ์เลี้ยงปลาคาร์ป ที่จำเป็นต่อการเลี้ยงปลา มีอะไรบ้าง?

สำหรับการเลี้ยงปลาคาร์ป จะมีสิ่งที่จำเป็นหลัก ๆ อยู่ 4 อย่าง คือ บ่อเลี้ยง, ระบบกรอง, ออกซิเจน และอาหาร แต่นั้นก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมีอุปกรณ์อื่น ๆ อีกหลายอย่างที่จำเป็นในการเลี้ยงปลาคาร์ป จะเลี้ยงทั้งทีต้องมีติดไว้ มันจำเป็นจริง ๆ นะครับเวลาต้องใช้ บทความนี้เราจะแนะนำอุปกรณ์ที่จำเป็นในการเลี้ยง และดูแลปลาคาร์ปมีอะไรบ้าง มาดูเลย!

ยาสลบ ถือเป็นสิ่งที่จำเป็นมากในการเลี้ยงปลาคาร์ป โดยจะใช้ในเวลาที่ต้องการจะจับปลา เช่น ต้องการที่จะเคลื่อนย้ายปลา, ต้องการทายาเพื่อรักษาแผลปลา, การตกแต่งศัลยกรรมปลา, การจับปลาเพื่อนำมาถ่ายรูป เป็นต้น ซึ่งยาสลบเองก็มีหลายสูตร ประสิทธิภาพของยาก็แตกต่างกันออกไป ต้องการให้ปลาสลบนานแค่ไหน ใช้เพื่อจุดประสงค์ใดควรเลือกสูตรให้เหมาะสมตามขนาดของปลาด้วย

กระชอน อีกหนึ่งอุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้เด็ดขาดในการให้จับปลาคาร์ป สำหรับกระชอนที่ใช้จับปลาคาร์ป ต้องเป็นกระชอนที่มีลักษณะพิเศษ คือ ตาข่ายต้องนุ่ม เพื่อที่จะไม่ระคายเคืองกับผิวปลาเพราะอาจทำให้ปลาเป็นแผล หรือเกล็ดหลุดได้ รวมทั้งความแข็งแรงของเฟลม ด้ามจับต้องถนัดมือ มีกันลื่น และที่สำคัญต้องเลือกความยาวของกระชอนให้เหมาะสมกับขนาดตัวปลา และพื้นที่ด้วย หรือจะแบบปรับขนาดความยาวของด้ามจับได้

สำหรับคนที่เลี้ยงปลาสวยงาม สายประกวด จะไม่มีคงไม่ได้กับ “กะละมัง” (สีฟ้าหรือน้ำเงิน) เพราะสีนี้เมื่อในมาใสปลาคาร์ป จะเห็นความงามของปลาคาร์ปได้ชัดเจน ทั้งสี เกล็ด รูปร่าง ลดลาย ของปลาจะตัดกับสีของกะละมัง ทำให้ปลาโดดเด่นขึ้นมาอีก หากต้องการถ่ายภาพปลาคาร์ปสวย ๆ หรืออยากชมความงามของปลาแบบชัดเจนก็จัดไป สำหรับเลี้ยงปกติก็ควรมีครับใช้ตักปลามาใส่เช็คสุขภาพ ดูแผล ทำแผล

หากได้ปลามาใหม่สิ่งที่ต้องทำก็คือ การกักโรคก่อน ในกรณีที่ปลาที่ได้มาใหม่นั้นมีโรคมาด้วย อาจทำให้ปลาตัวอื่น ๆ ในบ่อเลี้ยงติดโรคไปด้วย และเป็นการป้องกันการแพร่เชื้อไวรัส แบคทีเรีย และปรสิตต่างๆ ดังนั้นทุกครั้งที่จะนำปลาที่ได้มาใหม่ลงบ่อ ควรที่จะให้ยากักโรคก่อน ซึ่งยากักโรคและรักษาโรค ซึ่งยากักโรคก็มีหลายสูตร เช่น ยาที่ใช้กำจัด แบคทีเรีย Formalin (ฟอร์มาลิน), Glutaraldehyde (กลูตาราลดีไฮด์) ยาที่ใช้ป้องกัน รักษา และฆ่าโรคจากเชื้อรา Malachite Green (มาลาไคท์กรีน) ยาที่ใช้สำหรับกำจัดปรสิต Dimilin (ดีมิลิน), Dipteret (ดิพเทอร์แร็กซ์) เป็นต้น หรือจะใช้ชุดยากักโรค ที่มีขายพร้อมใช้งานก็ได้เช่นกัน

สำหรับคนที่เลี้ยงปลาคาร์ปอย่างจริงจัง คงทราบดีว่าเครื่องออกซิเจนกับบ่อปลาคาร์ปสำคัญแค่ไหน หากออกซิเจนในบ่อไม่พออาจทำให้ปลาตายได้ทั้งบ่อ และยิ่งในประเทศไทยเกิดเหตุไฟฟ้าดับอยู่ตลอด ควรจะมีสำรองไว้ใช้อย่างน้อย 4-6 ชั่วโมง ดังนั้นเครื่องผลิตออกซิเจนแบบมีแบตสำรองในตัว ควรที่จะมีติดบ่อเลี้ยงไว้

หากท่านต้องการเคลื่อนย้ายปลาจากบ่อไปสู่อ่างพักปลาอย่างมืออาชีพโดยที่ปลาที่ไม่ก่ออันตรายกับปลา กระชอนแบบถุงตอบโจทย์การเคลื่อนย้ายอย่างแน่นอน ตาข่ายของกระชอนมีความยาว และความนุ่ม เหนียว ทำให้ไม่เสียดสีผิวปลาเวลาเคลื่อนย้าย ปลายกระชอนเป็นตาข่ายปลายเปิด ใช้สำหรับปล่อยปลาออกสะดวกมากยิ่งขึ้น

เกลือ เป็นยาชั้นดีที่ขาดไม่ได้สำหรับคนเลี้ยงปลาคาร์ป ใช้ในการรักษาและควบคุมโรคที่เกิดกับปลา เช่น รักษาและป้องกันโรคจากแบคทีเรีย รักษาอาการตัวเปื่อย ครีบเปื่อย ตาโปน ซึม เบื่ออาหาร รวมทั้งใช้กับปลาใหม่ที่จะเอามาลงบ่อ ในการกักกันโรคด้วย ความเข้มข้มของความเค็มจะช่วยรักษาปลาได้เป็นอย่างดี แต่ควรใช้ในปริมาณที่เหมาะสม

เครื่องให้อาหารอัตโนมัติ หมดความกังวลกับการให้อาหารปลาคาร์ป เมื่อไม่อยู่บ้าน หรือต้องไปต่างจังหวัดหลาย ๆ วัน นอกจากนั้นยังเป็นผลดีกับปลาที่ได้อาหารเป็นเวลา ในปริมาณที่เท่า ๆ กันในแต่ละมื้อ ทำให้ปลามีสุขภาพที่แข็งแรงสมบูรณ์เนื่องจากกินอาหารเป็นเวลา ไม่ขาดสารอาหาร ช่วยให้การเจริญเติบโตเป็นไปอย่างดีอีกด้วย

แน่นอนว่าออกซิเจน สำคัญมากในการเลี้ยงปลาคาร์ป แล้วถังออกซิเจนจำเป็นอย่างไรในเมื่อที่บ่อเลี้ยงมีเครื่องผลิตออกซิเจน ทำไมต้องมีถังออกซิเจนด้วย? คำตอบก็คือ มีความจำเป็นใช้ในการแพ็คปลาและเติมออกซิเจนใส่ถุงนั้นเพื่อนำปลาไปรักษา นำไปประกวด ดังนั้นหากใครที่จะเคลื่อนย้ายปลาคาร์ปจึงจำเป็นต้องใช้ถังออกซิเจนด้วย

สำหรับอุปกรณ์ในการแพ็คปลาคาร์ปในการเคลื่อนย้าย มีด้วยกันอยู่หลายอย่าง เช่น ถุงพลาสติก, ยางวงมัดถุงขนาดใหญ่, กล่องลังหรือกล่องโฟม และอื่น ๆ รวมไปถึงถังออกซิเจนด้วย

สำหรับน้ำที่เหมาะสมในการเลี้ยงปลาคาร์ป ค่าความเป็นกรด-ด่าง (pH) ในน้ำที่เหมาะสมคือ ในช่วง 7.2 – 8.5 นอกจากนั้นยังมีค่าอื่นๆ อย่าง เกลือ รวมทั้งอุณหภูมิของน้ำในบ่อเลี้ยง ซึ่งค่าต่างๆ ที่ว่ามาสามารถใช้ ปากกาวัดค่าน้ำ pH, Salt, อุณหภูมิ ได้จึงควรมีไว้ได้ใช้งานตลอดอย่างแน่นอน

สำหรับค่าแอมโมเนีย, ไนไตรท์, ไนเตรท ของน้ำในบ่อเลี้ยงถือเป็นสิ่งสำคัญในความเป็นอยู่ และการเจริญเติบโตของปลาคาร์ปเป็นอย่างมาก โดยค่าแอมโมเนีย ค่าไนไตรท์ ไนเตรท ที่เป็นพิษต่อปลาในน้ำ ควรไม่เกิน 0.02 มิลลิกรัมต่อลิตร โดยสามารถใช้อุปกรณ์ในการวัด หรือชุดทดสอบค่าน้ำได้ ซึ่งเครื่องวัดอาจจะมีราคาที่สูงหน่อยแต่ได้ค่าที่แม่นยำ ส่วนชุดทดสอบค่าน้ำจะเป็นแถบสี บอกค่าปกติ/ไม่ปกติ

แน่นอนว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นที่สุดและขาดไม่ได้อย่างแน่นอน ซึ่งอาหารปลาคาร์ปเองก็มีให้เลือกมากมายหลายยี่ห้อ หลายสูตร เช่น สูตรเร่งสี เร่งโต สูตรวีทเจิม เสริมสร้างสุขภาพและรูปร่างให้ดูสวยงาม อีกทั้งมีอาหารแบรนด์ไทย และอาหารปลาคาร์ปนำเข้าจากญี่ปุ่น 100% ต้องการแบบไหนเลือกได้ตามความต้องการได้เลย

นอกจากสีสันของปลาที่คนเลี้ยงต้องการแล้ว ขนาดปลาก็เป็นสิ่งที่สำคัญเช่นกัน ดังนั้นจึงต้องมีแผ่นวัดไซส์ปลา เพื่อจะได้รู้การเจริญเติบโตของปลาคาร์ปว่ามีพัฒนาการอย่างไรบ้าง ซึ่งที่วัดไซส์ก็มีให้เลือกหลายแบบเช่นกัน ทั้งแบบเป็นถาดพลาสติก เป็นอ่างวัดขนาด เป็นสติ๊กเกอร์ หรือเป็นแผ่นวัดไซส์ ก็ได้แล้วแต่สะดวก

การใส่จุลินทรีย์ในบ่อเลี้ยงจะช่วยบำบัดน้ำให้ใสขึ้น ลดการสะสมของเสียในบ่อกรอง ช่วยกรองไม่ตันบ่อย ลดการเกิดตะกอนฝุ่นฟุ้งในบ่อปลา รวมทั้งลดกลิ่นเหม็นสะสมในบ่อเลี้ยง ทำให้คุณภาพน้ำดีขึ้น และสุขภาพของปลาดี สดชื่น ร่าเริง กินเก่ง และนิยมใช้หลังจากที่มีการล้างกรอง เพื่อตามปริมาณจุลินทรีย์ที่หายไปกับการล้างให้กลับสู่สภาวะเดิมได้ไวขึ้น


อุปกรณ์เลี้ยงปลาคาร์ป ที่กล่าวมานั้นล่วงเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการเลี้ยงปลาคาร์ปเป็นอย่างมาก ควรที่จะมีติดบ่อเลี้ยงไว้ ถึงแม้บางอย่างหลายคนอาจจะมองว่าไม่จำเป็นต้องใช้ เช่น ยารักษาโรค กักโรค แต่หากเมื่อเวลาปลาเกิดป่วยกะทันหัน จะหายามาใช้ก็อาจจะไม่ทันเวลา และอาจจะทำให้เกิดความเสียหายทั้งบ่อเลี้ยงได้ ดังนั้นแล้วมีติดไว้ไม่เสียหายแน่นอน

ปลาคาร์ฟ หรือ ปลาคาร์ป เขียนยังไง ให้ถูกต้อง ทั้งภาษาอังกฤษและญี่ปุ่น

ปลาคาร์ฟ ปลาคราฟ ปลาคาร์พ เขียนอย่างไรกันแน่ ? หากพูดถึงคำนี้แล้วหลายคนอาจจะยังสงสัยว่าที่ถูกต้องควรจะต้องสะกดแบบไหนจึงจะถูกต้อง เมื่อค้นหาข้อมูลตามเว็บไซต์คำที่ค้นเจอส่วนมากจะเป็นคำว่า “ปลาคาร์ฟ”

Carp เป็นคำภาษาอังกฤษที่สามารถสะกดทับศัพท์เป็นภาษาไทยได้ว่า “คาร์ป” หรือ “คาร์พ” ซึ่งดูแล้วจะไม่สามารถสะกดเป็น “คาร์ฟ” หรือ “คราฟ” ได้เลย ภาษาไทยที่ถูกต้องจึงเป็นคำว่า “ปลาคาร์ป” สำหรับภาษาญี่ปุ่น Carp ถูกเรียกว่า Koi (โค่ย) 鯉 หรือ Nishikigoi